
WordPress คืออะไร? แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ครองใจผู้คนทั่วโลก ด้วยความยืดหยุ่นและเครื่องมืออันทรงพลัง หรือจริง ๆ แล้วนั้นเป็นเพียงแค่เครื่องมือธรรมดา ๆ? แต่ทำไมผู้คนมากมายถึงเลือกใช้ WordPress? และคุณเองล่ะ กำลังให้ความสนใจกับ WordPress อยู่หรือไม่? มาค้นหาคำตอบเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันได้ที่นี่เลย!
รู้จัก WordPress คืออะไร?
WordPress คือ ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) แบบโอเพนซอร์ส ที่ช่วยให้การสร้างและจัดการเว็บไซต์เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดหรือไม่ก็ตาม WordPress มีสองรูปแบบหลัก ๆ คือ WordPress.com และ WordPress.org ซึ่งแต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
WordPress ใช้ทําอะไรได้บ้าง?
WordPress เป็นแพลตฟอร์มที่หลากหลาย สามารถนำไปใช้สร้างเว็บไซต์ได้หลายประเภท ดังนี้:
- เว็บไซต์บล็อก (Blog)
WordPress เกิดมาเพื่อเป็นแพลตฟอร์มสำหรับบล็อก ดังนั้น จึงมีเครื่องมือและฟังก์ชันที่รองรับการเขียนและจัดการบล็อกอย่างครบถ้วน
- เว็บไซต์ธุรกิจ (Business Website)
สามารถใช้สร้างเว็บไซต์องค์กร เว็บไซต์บริษัท หรือเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ได้ เพื่อนำเสนอข้อมูลธุรกิจ สินค้า และบริการ
- เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (E-commerce Website)
สามารถใช้ปลั๊กอิน WooCommerce เพื่อเปลี่ยน WordPress ให้เป็นร้านค้าออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบ สามารถจัดการสินค้า การชำระเงิน และการจัดส่งได้
- เว็บไซต์พอร์ตโฟลิโอ (Portfolio Website):
เหมาะสำหรับช่างภาพ ศิลปิน นักออกแบบ หรือผู้ที่ต้องการแสดงผลงานของตนเองผ่านช่องทางออนไลน์ ที่มีการจัดเก็บข้อมูลไว้อย่างเป็นระเบียบ
- เว็บไซต์ข่าวและนิตยสาร (News and Magazine Website)
มีธีมและปลั๊กอินที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการนำเสนอข่าวและบทความจำนวนมาก
- เว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ (Online Community Website)
สามารถใช้ปลั๊กอิน BuddyPress เพื่อสร้างเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ที่มีฟังก์ชันสมาชิก ฟอรัม และสร้างเป็นกลุ่มได้
จุดเด่นและข้อจำกัด ของ WordPress
จุดเด่น ของ WordPress
- มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดมากนัก
- มีธีมและปลั๊กอินให้เลือกใช้มากมาย สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้ตามต้องการ
- ใช้งานได้ฟรี และมีชุมชนผู้ใช้ขนาดใหญ่ที่คอยสนับสนุนและพัฒนา
- มีเครื่องมือและปลั๊กอิน SEO ที่ช่วยปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหาได้ง่ายขึ้น
- มีผู้ใช้งานจำนวนมากทำให้มีแหล่งข้อมูลในการแก้ไขปัญหามากมาย
ข้อจำกัด ของ WordPress
- ต้องอัปเดต WordPress ธีม และปลั๊กอินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
- หากใช้ปลั๊กอินหรือธีมที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้เว็บไซต์เสี่ยงต่อการถูกแฮ็กได้
- หากติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไป หรือใช้โฮสติงที่ไม่ดี อาจทำให้เว็บไซต์โหลดช้า
- ในการปรับแต่งเว็บไซต์ขั้นสูง จำเป็นต้องมีความรู้ด้าน HTML, CSS และ PHP
- ต้องคอยอัปเดตอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน
WordPress เหมาะกับเว็บไซต์แบบไหน
WordPress เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง ใช้งานง่าย และมีปลั๊กอินและธีมให้เลือกใช้มากมาย ทำให้ WordPress เหมาะสำหรับเว็บไซต์หลากหลายประเภท ดังนี้
- บล็อก (Blog)
WordPress เกิดมาเพื่อเป็นแพลตฟอร์มบล็อก ดังนั้นจึงมีฟีเจอร์ที่รองรับการเขียนและจัดการบทความได้อย่างครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเผยแพร่เนื้อหา บทความ หรือเรื่องราวต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- เว็บไซต์ธุรกิจ (Business Website)
WordPress มีธีมและปลั๊กอินที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจโดยเฉพาะ ช่วยให้สร้างเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ที่ต้องการนำเสนอข้อมูลบริษัท สินค้า บริการ หรือสร้างช่องทางการติดต่อกับลูกค้า
- เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ (E-commerce Website)
ด้วยปลั๊กอิน WooCommerce ทำให้ WordPress สามารถเปลี่ยนเว็บไซต์ธรรมดาให้เป็นร้านค้าออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ ที่มีระบบจัดการสินค้า ตะกร้าสินค้า และการชำระเงินที่ครบวงจร
- เว็บไซต์องค์กร (Organization Website)
WordPress สามารถสร้างเว็บไซต์ให้กับองค์กรต่าง ๆ ได้ง่ายและสวยงาม เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการนำเสนอ ข้อมูลขององค์กร ข่าวสาร และกิจกรรมต่าง ๆ
- เว็บไซต์ส่วนตัว (Personal Website)
WordPress มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง ทำให้เหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวเพื่อนำเสนอผลงาน ประวัติ หรือเรื่องราวส่วนตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างพื้นที่ออนไลน์เพื่อแสดงตัวตนหรือผลงานของตนเอง
เพราะเหตุใดจึงนิยมใช้ CMS WordPress ทำเว็บไซต์
WordPress ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและยืดหยุ่นที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายรูปแบบ ในส่วนนี้จะพาทุกท่านมาเจาะลึกเหตุผลที่ทำให้ WordPress เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับการสร้างเว็บไซต์กัน
1. ระบบการจัดการเว็บไซต์ใช้งานง่าย
WordPress มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดมากนัก
2. ประหยัดค่าใช้จ่าย
WordPress เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ใช้งานได้ฟรี ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง WordPress ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
3. อัปเดตเนื้อหาง่าย
WordPress มีระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเดตเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มบทความ แก้ไขเนื้อหา หรืออัปโหลดรูปภาพ
4. ปลั๊กอิน (plugin) หลากหลาย
WordPress มีปลั๊กอินให้เลือกใช้มากมาย ซึ่งช่วยเพิ่มฟังก์ชันการทำงานให้กับเว็บไซต์ เช่น การปลั๊กอินสำหรับสร้างแบบฟอร์ม ปลั๊กอินสำหรับจัดการ SEO หรือปลั๊กอินสำหรับสร้างร้านค้าออนไลน์
5. SEO Friendly รองรับการทำ SEO
WordPress มีโครงสร้างที่เอื้อต่อการทำ SEO ทำให้เว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress มีโอกาสติดอันดับการค้นหาบน Google ได้ง่ายขึ้น
6 . เลือก Theme ได้หลากหลายรูปแบบ
อีกทั้ง WordPress ยังมีธีมให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกธีมที่เหมาะสมกับรูปแบบและสไตล์ของเว็บไซต์ได้
7. มีมาตรฐานในความปลอดภัยสูง
WordPress มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และมีการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันเว็บไซต์จากภัยคุกคามทางไซเบอร์
WordPress มีกี่รูปแบบ? อะไรบ้าง?
WordPress ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว แต่มีสองรูปแบบหลัก ๆ ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านการใช้งานและข้อจำกัด มาทำความเข้าใจกันว่า WordPress แต่ละรูปแบบคืออะไร? และเหมาะกับการใช้งานแบบไหน?
WordPress มี 2 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้
- WordPress.com
เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการสร้างเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป ผู้ใช้สามารถสร้างเว็บไซต์หรือบล็อกได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด มีทั้งแบบใช้งานฟรีและแบบเสียค่าบริการ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น หรือผู้ที่ไม่ต้องการจัดการเรื่องโฮสติ้งเอง
- WordPress.org
เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดและติดตั้ง WordPress บนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง มีความยืดหยุ่นสูงในการปรับแต่งเว็บไซต์ สามารถติดตั้งธีมและปลั๊กอินได้อย่างอิสระ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมเว็บไซต์ได้อย่างเต็มที่ และมีความรู้ด้านเทคนิคบ้าง
WordPress.com กับ WordPress.org แตกต่างกันอย่างไร?
WordPress.com และ WordPress.org จะมีความแตกต่างกันในด้านการใช้งานและข้อจำกัด ดังนี้
คุณสมบัติ | WordPress.com | WordPress.org |
การโฮสต์เว็บไซต์ | WordPress.com เป็นผู้ให้บริการโฮสต์เว็บไซต์ ผู้ใช้ไม่ต้องจัดการเรื่องโฮสต์เอง | ผู้ใช้ต้องจัดหาโฮสต์เอง |
การควบคุมจัดการเว็บไซต์ | มีข้อจำกัดในการปรับแต่งเว็บไซต์ | ผู้ใช้สามารถควบคุมและปรับแต่งเว็บไซต์ได้อย่างเต็มที่ |
การใช้ธีม | มีธีมให้เลือกใช้จำกัด | สามารถติดตั้งธีมได้หลากหลาย ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน |
การติดตั้งปลั๊กอิน (Plugin) | มีปลั๊กอินให้เลือกใช้จำกัด | สามารถติดตั้งปลั๊กอินได้หลากหลาย |
การทำ SEO | มีเครื่องมือ SEO พื้นฐาน | มีเครื่องมือ SEO ขั้นสูง และสามารถติดตั้งปลั๊กอิน SEO เพิ่มเติมได้ |
การสร้างรายได้ | มีข้อจำกัดในการสร้างรายได้ | สามารถสร้างรายได้ได้หลากหลายวิธี เช่น โฆษณา ขายสินค้า หรือรับบริจาค |
ค่าใช้จ่าย | มีทั้งแบบใช้งานฟรีและแบบเสียค่าบริการ | ใช้งานฟรี แต่ต้องเสียค่าโฮสต์และโดเมน |
เหมาะกับใคร | ผู้เริ่มต้น หรือผู้ที่ไม่ต้องการจัดการเรื่องโฮสต์เอง | ผู้ที่ต้องการควบคุมเว็บไซต์ได้อย่างเต็มที่ และมีความรู้ด้านเทคนิคบ้าง |
สรุปได้ว่า WordPress.com จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์หรือบล็อกอย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่ต้องจัดการเรื่องโฮสต์เองนั่นเอง ส่วนWordPress.orgจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมเว็บไซต์
ได้อย่างเต็มที่ และมีความรู้ด้านเทคนิคบ้าง โดยผู้ใช้จะต้องจัดหาโฮสต์เอง แต่ก็มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้อย่างอิสระยิ่งขึ้นนั่นเอง
ราคาสำหรับการใช้งาน WordPress
ราคาสำหรับการใช้งาน WordPress นั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานและบริการเสริมที่คุณเลือก โดยหลัก ๆ แล้ว ดังนี้
1. WordPress.com
เป็นบริการสร้างเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป มีแพ็กเกจให้เลือกหลายระดับราคา ตั้งแต่ฟรีไปจนถึงระดับธุรกิจ
- แบบฟรีจะมีข้อจำกัดในการใช้งาน เช่น พื้นที่เก็บข้อมูลจำกัด มีโฆษณาของ WordPress แสดงบนเว็บไซต์ และไม่สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติมได้
- แบบเสียค่าบริการ จะมีแพ็กเกจให้เลือกหลายระดับราคา โดยแต่ละแพ็กเกจจะเพิ่มฟังก์ชันการทำงานและพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น เช่น สามารถใช้โดเมนเนมของตัวเอง ติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติม และลบโฆษณาของ WordPress ออกได้
ซึ่งราคาค่าบริการของ wordpress.com จะแตกต่างกันไปตาม packge ที่เลือกใช้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 300 บาท/เดือน ไปจนถึง 2,300 บาท/เดือน
2. WordPress.org
เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งบนโฮสต์เองได้ฟรี แต่จะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- ค่าโฮสต์ เป็นค่าบริการเช่าพื้นที่บนเซิร์ฟเวอร์เพื่อเก็บไฟล์เว็บไซต์ ราคาขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการโฮสต์และแพ็กเกจที่เลือก โดยทั่วไปจะมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 100-500 บาทต่อเดือน
- ค่าโดเมนเนม เป็นชื่อเว็บไซต์ของคุณ ราคาขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการจดโดเมนและนามสกุลโดเมนที่เลือก โดยทั่วไปจะมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 100-1,000 บาทต่อปี
- ค่าธีมและปลั๊กอินจะมีให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน หากต้องการใช้ธีมหรือปลั๊กอินระดับพรีเมียม จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- หากคุณไม่มีความรู้ด้านการสร้างเว็บไซต์ อาจต้องจ้างนักพัฒนาเว็บไซต์มาช่วยสร้างเว็บไซต์ให้ ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอยู่ที่ 5,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันที่ต้องการใช้งาน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CMS WordPress
CMS คือ อะไร?
CMS หรือ Content Management System คือ ระบบจัดการเนื้อหา เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง แก้ไข และจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดมากนัก ซึ่งตัว WordPress เองก็เป็นหนึ่งใน CMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
wordpress hosting คืออะไร?
WordPress Hosting คือ บริการโฮสต์เว็บไซต์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress ผู้ให้บริการโฮสต์เหล่านี้จะมีเซิร์ฟเวอร์ที่ปรับแต่งมาเพื่อรองรับการทำงานของ WordPress ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมักจะมีเครื่องมือและฟังก์ชันเพิ่มเติมที่ช่วยให้การจัดการเว็บไซต์ WordPress ง่ายขึ้น
WordPress Theme คืออะไร?
WordPress Theme คือ ชุดไฟล์ที่กำหนดรูปลักษณ์และการออกแบบของเว็บไซต์ WordPress ซึ่งธีมก็จะมีส่วนสำคัญในการควบคุมลักษณะที่ปรากฏของเว็บไซต์ เช่น สี แบบอักษร เลย์เอาต์ และการจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ โดยผู้ใช้สามารถเลือกธีมที่เหมาะสมกับรูปแบบและสไตล์ของเว็บไซต์ได้จากธีมฟรีและธีมแบบเสียเงินที่มีให้เลือกมากมาย
WordPress Plugins คืออะไร?
WordPress Plugins คือ ส่วนเสริมที่ช่วยเพิ่มฟังก์ชันการทำงานให้กับเว็บไซต์ WordPress ปลั๊กอินสามารถเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ ให้กับเว็บไซต์ได้ เช่น การสร้างแบบฟอร์ม การจัดการ SEO การสร้างร้านค้าออนไลน์ หรือการเพิ่มฟังก์ชันโซเชียลมีเดีย ซึ่งก็มีปลั๊กอินให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน
สรุป
จะเห็นได้ว่า WordPress เป็นมากกว่าแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและยืดหยุ่นที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่บล็อกส่วนตัวไปจนถึงเว็บไซต์ธุรกิจขนาดใหญ่ ด้วยระบบการจัดการที่ใช้งานง่าย ปลั๊กอินและธีมที่หลากหลาย และความสามารถในการปรับแต่งที่สูง จึงทำให้ WordPress เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์อย่างมืออาชีพ
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการสร้างเว็บไซต์ WordPress อยู่ล่ะก็ Dot Plus Plus พร้อมให้บริการ รับทำเว็บไซต์ WordPress อย่างครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง ปรับแต่ง ไปจนถึงการดูแลและบำรุงรักษาเว็บไซต์ของคุณ
ให้การสร้างเว็บไซต์เพื่อธุรกิจของคุณเป็นเรื่องง่าย เลือกใช้บริการกับ Dot Plus Plus